Thursday, November 02, 2006

ฟัง Pablo Neruda อ่านบทกวี

คลิ๊กเบา ๆ ตรงลูกศร















  • คืนนี้ฉันอาจเขียน....

    คืนนี้ฉันอาจเขียนบทกวีสุดแสนเศร้า

    เขียนเฉก “รัตติกาลแหลกสลายยับ
    ทั้งดวงดาวสีน้ำเงินสั่นเทิ้มมาแต่ไกล”

    ลมแห่งค่ำคืนคว้างและขับขานบนฟากฟ้า

    คืนนี้ฉันอาจเขียนบทกวีสุดแสนเศร้า
    ฉันรักเธอ และบางครั้งเธอก็หลงรักฉันเช่นกัน

    ตลอดคืนเฉกเช่นที่ฉันโอบเธอไว้ในอ้อมแขน
    พรมจูบเธออีกครั้งและอีกคราใต้ฟ้าสุดคณนา

    เธอรักฉันและบางครั้งฉันก็หลงรักเธอ
    เป็นไปได้ฤๅหากใครสักคนไม่หลงเสน่ห์ดวงตาเธอ

    คืนนี้ฉันอาจเขียนบทกวีสุดแสนเศร้า
    เพื่อทำใจให้ได้ว่าฉันไร้และรู้สึกให้ได้ว่าสูญเสียเธอ

    เพื่อสดับสรรพสำเนียงราตรีอันยาวนาน ที่ยังเพริศแพร้วแม้ไร้เธอ
    อีกบทกวีร่วงลงสู่ดวงวิญญาณดุจน้ำค้างหยาดหยดลงทุ่งหญ้า

    จะมีค่าอันใดเมื่อความรักของฉันมิอาจเก็บเธอไว้ได้
    รัตติกาลแหลกสลายยับและเธอไม่ได้อยู่เคียงข้าง

    ทั้งหมดนี้ ในที่ห่างไกลออกไปบางคนกำลังร้องเพลง ในความห่างไกล
    วิญญาณของฉันยังมิอาจพอใจที่ได้สูญเสียเธอไป

    สายตาของฉันเฝ้าค้นหาเธอราวกับจะสามารถไปยังเธอได้
    ดวงใจของฉันเฝ้าดูเธออยู่ และเธอก็มิได้อยู่กับฉัน

    ในค่ำเฉกคืนสีขาวเดียวกัน ต้นไม้ต้นเดิม
    เรา ณ ห้วงโมงยามนั้น อีกไม่นานจะเหมือนเดิม

    แม้ไม่อาจรักเธอได้เนิ่นนาน แต่แน่นอน ณ ขณะนี้ฉันรักเธอ
    เสียงของฉันพยายามค้นหาสายลมเพื่อสัมผัสการได้ยินแห่งเธอ

    อย่างอื่น เธอจะเป็นแบบอื่น เหมือนกับการจูบของฉันครั้งก่อน
    เสียงของเธอ ร่างอันขาวโพลน และดวงตาอันมิสิ้นสุดของเธอ

    แม้ฉันจะรักเธอได้ไม่นาน แต่แน่นอนที่สุด บางทีฉันรักเธอ
    ความรักนั้นแสนสั้น การลืมเลือนสิยาวนาน

    เพราะตลอดคืนเฉกเช่นนี้อีกครั้งที่ฉันโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
    ดวงวิญญาณของฉันที่มิอาจยอมรับว่าได้สูญเสียเธอไป

    ด้วยประการฉะนี้ คือความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาซึ่งเธอได้ตราไว้
    และเหล่านี้คือบทกวีบรรทัดสุดท้ายที่ฉันเขียนแด่เธอ

    จากTonight I Can Write...
    ของ Pablo Neruda


พาโบล เนรูด้า Pablo Neruda (1904-1973) ผู้ซึ่งชื่อจริง เนฟตาลี ริคาร์โด เรเยส บาซอลโต เกิด 12 กรกฎาคม 1904 ในหมู่บ้านริมทะเล ของเมือง พาร์รอล ประเทศชิลี บิดาของเขาเป็นคนงานสร้างทางรถไฟ มารดาของเขาเป็นครูซึ่งได้เสียชีวิตหนึ่งเดือนหลังจากเขาเกิด หลายปีต่อมาบิดาได้อพยพไปยังเมืองเทมูโคและแต่งงานใหม่ เนรูด้าได้รับการศึกษาประถมวัยในโรงเรียนประจำเมืองเทมูโค ซึ่งขณะนั้นกาเบรียลา มิสทรัล (ในช่วง 20 ต้น ๆ)เป็นครูสอนระดับประถมศึกษา เขาเริ่มเขียนบทกวีในวัยเยาวน์ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาโดยเฉพาะบิดาได้สั่งห้ามไม่ให้เขาเขียนบทกวี

ขณะอายุได้ 13 ขวบ ส่งบทกวีลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวัน"La Mañana" งานเขียนชิ้นแรกของเขาที่ได้ตีพิมพ์ Entusiasmo y Perseverancia

เพียงช่วงวัยแรกรุ่นเขาก็เขียนบทกวีเร้าอารมณ์แนวเซอร์เรียลิสต์ที่เข้มข้นแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงจากที่บิดาไม่อนุญาต เขาจึงใช้ชื่อ Pablo Neruda โดยเลือกชื่อต้นที่นิยมใช้เรียกกันในหมู่ชนชั้นกรรรมาชีพ ส่วนนามสกุลนั้นเป็นการระลึกถึง Jan Neruda (1834-1891)กวี นักเขียนนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ผู้ซึ่งได้ทำการต่อสู้เพื่อเอกราชของสหพันธ์สาธารณรับเชกและสโลวัก

หลังจากตีพิมพ์ Crepusculario (หนังสือยามพลบค่ำ,1923) ซึ่งเป็นหนังสือบทกวีเล่มแรก ปีต่อมางานเขียนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในการแปล Veinte poemas de amor y una cancion desesperada (ยี่สิบบทกวีรักและหนึ่งบทเพลงแห่งความสิ้นหวัง,1924)ก็ได้ออกสู่สายตาสาธารณะชนในฐานะกวีหนุ่มผู้ครุ่นคิดและเข้มข้นด้วยความโรแมนติค

ขณะเดียวกันที่เขาสนใจและมุ่งมั่นทำกิจกรรมทางวรรณกรรม เขาได้เข้าศึกษาภาษาฝรั่งเศสและวิชาการสอนในมหาวิทยาลัยแห่งชิลี ณ นครซานติอาโก

ระหว่างปี 1927-1935 รัฐบาลชิลีได้แต่งตั้งให้เขาเป็นกงสุลกิติมศักดิ์ ทำให้เขาได้เดินทางไปยัง พม่า ซีลอน ชวา สิงค์โปร์ บัวโนสไอเรส บาร์เซโลนาและมาดริด ต่อมาในปี 1933 Residencia en la tierra (ที่พำนักบนผืนพิภพ)ซึ่งถือกันว่างานเขียนวรรณกรรมของเขาได้ถูกค้นพบ

สงครามกลางเมืองในสเปนและการฆาตรกรรมการ์เซีย ลอร์กา กวีชาวสเปนผู้ซึ่งเข้ารู้จักดี ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเขา จนถึงกับเข้าร่วมในขบวนการต่อสู้ และต่อมาได้ตีพิมพ์ España en el Corazón (สเปนในดวงใจข้า,1937)

1939 ได้รับความไว้วางใจให้เป็นกงสุลสำรับชาวสเปนผู้อพยพที่มาพำนักในปารีส และต่อจากนั้นไม่นานย้ายไปเป็นกงสุลใหญ่ประจำเม็กซิโก

ในปี 1943 เนรูด้ากลับสู่ชิลี และปี 1945 ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกของสาธารณรัฐ และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชิลี ปี 1947 เขาประท้วงต่อต้านนโยบายประธานธิบดี ก็อนซาเลซ วิเดลลา ทำให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนใช้ชีวิตใต้ดินในประเทศเกิดถึงสองปี และที่สุดลี้ภัย ในปี 1949 จนล่วงถึงปี 1952 จึงกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้ง

เนรูด้าประกาศชัดถึงความเป็นคอมมิวนิสต์คนหนึ่ง เขาเขียนบทกวีหลายบทสรรเสริญสตาลิน และเดินทางไปสหภาพโซเวียต และรับรางวัล Stalin Prize for Poetry ในปี 1953

ต่อมาเขาได้ตีพิมพ์ Cien sonetos de amor (หนึ่งร้อยโคลงกวีแห่งรัก,1959) ประกอบด้วยบทกวี Memorial de Isla Negra ซึ่งได้เขียนอุทิศแด่ความรักต่อมาทิลด์ เออรูเทีย ภรรยาคนที่สามของเขา

ในปี 1970 เนรูด้าประกาศตนขอเป็นตัวเลือกของประชาชนเพื่อเป็นประธานธิบดีแห่งชิลี หลังจากทราบแน่ชัดว่าคะแนนเสียงสนับสนุนของประชาชนเทให้กับซัลวาดอร์ อาเญนเด ก็อซเซน เขาจึงสละจากการเป็นคู่แข็ง และหันมาสนับสนุนอาเญนเดแทน

ปี 1971 เนรูด้าได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชฑูตชิลีประจำฝรั่งเศส

23 กันยายน 1973 ชีลีก็ได้สูญเสียกวีเอกนามอุโฆษ ผู้ซึ่งเป็นมะเร็งอยู่แล้ว เนรูด้าหัวใจล้มเหลวสิ้นชีวิต เขาตายสองสัปดาก่อนที่ กองกำลังภายใต้CIAจะคว่ำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอาเญนเดลง

GoStats stats counter
GoStats stats counter